เคล็ดลับการรีแบรนด์ดิ้ง พลิกแบรนด์เก่าให้กลับมาปังในโลกธุรกิจ
หลายๆ คนอาจเคยได้ยินคำว่า Rebranding (รีแบรนด์ดิ้ง) กันมาบ้าง แต่อาจยังไม่แน่ใจว่า ทำไมหลาย ๆ แบรนด์จึงต้องมีการ Rebranding แล้วการรีแบรนด์ดิ้งคืออะไร มันมีข้อดีและควรระวังอย่างไร ควรทำตอนไหนจึงจะเหมาะสม ลองมาหาคำตอบจากบทความนี้กันครับ
โดยธรรมชาติของแบรนด์แล้วนั้น สิ่งหนึ่งที่ผู้สร้างแบรนด์ต้องยอมรับคือ “แบรนด์” ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ได้อย่างถาวร แม้จะเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมหรือมีชื่อเสียงมากขนาดไหน เมื่อวันเวลาผ่านไปก็อาจจะไม่ได้อยู่ในสถานะเดิมได้ตลอด เป็นผลมาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคู่แข่งทางธุรกิจ ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป หรือความต้องการในการเพิ่มศักยภาพของแบรนด์ การถูก disrupt จากสภาวะการณ์ต่าง ๆ ไปจนถึงการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจหรือโครงสร้างในการบริหารขององค์กร
ประโยชน์ของการ Rebranding
สำหรับการรีแบรนด์ดิ้ง (Rebranding) นั้น จำเป็นต้องใช้พลังเป็นอย่างมาก เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ของแบรนด์ ได้เข้าใจถึงภาพลักษณ์ใหม่ในวันนี้ ที่สำคัญ ต้องทำให้ถูกทางและถูกเวลาด้วย เพราะอาจส่งผลให้ลูกค้าเดิมเกิดความไม่พอใจได้ และยังทำให้เกิดความสับสนกับผู้บริโภคในตลาด แต่ถ้าได้ทำการวางแผนต่าง ๆ เป็นอย่างดีและมีวิธีปฏิบัติที่เหมาะสม ก็จะช่วยสร้างผลลัพธ์แห่งความสำเร็จให้กับแบรนด์ได้ ดังนี้
- สร้างความตื่นตัวให้กับพนักงานทุกคนในองค์กร รวมไปจนถึงกลุ่มเป้าหมาย เพราะตามปกติแล้ว อะไรที่เป็นเหมือนเดิมมานานและไม่เคยได้รับการปรับหรือเปลี่ยนอะไรเลย ก็จะกลายเป็นความเคยชินของผู้คน ทำให้ได้รับความสนใจน้อยลงไปตามวันเวลา หรือพูดง่าย ๆ ว่าลูกค้าเดิมอาจหันไปตื่นเต้นกับแบรนด์ใหม่ ๆ แทน แต่การ Rebranding ที่ประสบผลสำเร็จจะช่วยทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเดิมได้ดียิ่งขึ้น มีความน่าสนใจในภาพลักษณ์ใหม่ ๆ และยังนำไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ของแบรนด์ที่ต้องการขยาย ซึ่งทั้งหมดนี้คือการสร้างความก้าวหน้าให้กับองค์กร
- เปลี่ยนภาพจำเดิม ๆ ที่ติดอยู่ในใจของผู้คนมาเนิ่นนาน โดยเฉพาะในกรณีที่แบรนด์เดิมอาจจะไม่ตอบโจทย์ลูกค้าแล้ว หรือต้องการขยายธุรกิจไปสู่หมวดหมู่อื่น ๆ การ Rebranding จะช่วยเปลี่ยนภาพจำของกลุ่มเป้าหมายได้ และทำให้แบรนด์เป็นที่พูดถึงมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากแบรนด์หมั่นเก็บฟีดแบค แล้วนำมาปรับใช้ไปพร้อม ๆ กับการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง ก็จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์ได้เป็นอย่างดี
หลักสำคัญในการทำการ Rebranding
แม้ว่าสาเหตุในการทำการรีแบรนด์ดิ้ง (Rebranding) ของแต่ละแบรนด์จะแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมาย แต่สิ่งสำคัญที่มีผลเป็นอย่างมากในการทำ Rebranding ให้ประสบความสำเร็จนั้น มีทั้งหมด 3 ข้อที่ทุกแบรนด์ควรให้ความสำคัญ ดังนี้
1. ควรเปลี่ยนจากภายในสู่ภายนอก
หลายครั้งที่การ Rebranding เป็นภาพการทำให้กลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าของแบรนด์ได้รับรู้ แต่พอถามบุคลากรภายในกลับไม่สามารถบอกจุดประสงค์ในการ Rebranding ขององค์กรได้ ทั้งที่ความจริงแล้วการสร้างความเข้าใจภายในองค์กร สำหรับพนักงานในทุกระดับไปจนถึงผู้บริหารนั้นควรเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน และมองเห็นภาพใหญ่ที่ชัดเจนเหมือนกัน เพราะทุกคนต่างก็เป็นเหมือนตัวแทนของแบรนด์ที่จะสามารถสื่อสารกับผู้คนรอบข้างได้
ดังนั้นหากทุกคนภายในองค์กรไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงหรือเข้าใจไม่ถ่องแท้ ก็อาจจะส่งผลให้การรีแบรนดิ้งนั้นไม่ส่งผลดีอย่างที่ควรจะเป็น
2. ควรเปลี่ยนทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ ไม่ใช่แค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า แบรนด์ไม่ใช่แค่เพียงโลโก้เท่านั้น วิธีการสื่อสาร สี ตัวอักษร หน้าร้าน สินค้า วัสดุอุปกรณ์ที่ประกอบไปด้วยโลโก้ของแบรนด์ ทั้งหมดนี้ควรเปลี่ยนไปพร้อมกันและไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด เพราะการเปลี่ยนแค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ หรือการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนอาจทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนและยังสร้างความสับสนให้กับผู้คนภายนอก อันจะนำมาซึ่งการ Rebranding ที่เต็มไปด้วยปัญหาและยากที่จะประสบความสำเร็จ
3. ไม่ควร Rebranding บ่อย
การ Rebranding นั้นใช้ทั้งเวลาและเงินทุนมหาศาล ฉะนั้นเราต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าเมื่อทำแล้วจะสร้างผลลัพธ์ไปสู่ความสำเร็จได้ และเกิด Big change ที่แท้จริง แต่หากแบรนด์ของคุณยังไม่แข็งแรงและแผนในการ Rebranding ยังไม่ครอบคลุมทุกจุดได้มากพอ ทั้งเวลาและเม็ดเงินที่คุณใช้ไปอาจสูญเปล่า ไม่เท่านั้น เสียงตอบรับที่คุณได้กลับมาอาจจะมีแต่แง่ลบซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกแบรนด์ไม่อยากให้เกิดอย่างแน่นอน
RS GROUP กับการ Rebranding ครั้งใหญ่ในรอบ 40 ปี
ในส่วนของอาร์เอสเองที่ได้ทำการ Rebranding ตั้งแต่เมื่อต้นปี 2563 ที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่การปรับโครงสร้างภายในเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ พันธกิจ และโมเดลธุรกิจ ‘Entertainmerce’ ตามด้วยโลโก้ RS ใหม่ที่ให้ภาพลักษณ์เรียบง่าย มินิมอล สะอาดตา และแฝงไปด้วยความร่วมสมัยเป็นสากล ซึ่งเป็นความโดดเด่นท่ามกลางความเรียบง่าย สะท้อนความเป็นธุรกิจที่ทันยุคทันสมัย กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ปรับตัวได้รวดเร็ว ไม่หวั่นเกรงกับความท้าทายหรือการดิสรัปชันต่าง ๆ ซึ่งตรงตาม Passion to Win ซึ่งเป็น Motto ประจำองค์กร
นอกจาก RS GROUP รีแบรนด์ในรอบ 40 ปีแล้ว ยังได้ทำการย้ายสำนักงานไปยังถนนประเสริฐมนูกิจบนพื้นที่กว่า 62,845 ตร.ม. ออฟฟิศใหม่ rs ที่สะกดทุกสายตา ภายใต้การตกแต่งที่เป็นไปตามคอนเซปต์ Minimal design, Simple space และ Timeless เรียบง่าย ยั่งยืน ทันสมัย เน้นเรื่องประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้กับอาคารและสื่อถึงภาพลักษณ์ของ RS GROUP ได้อย่างลงตัว
ไม่เพียงเท่านั้น จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจมาร่วม 40 ปี อาร์เอสได้เติบโตขึ้นเป็นกลุ่มบริษัท เพิ่มคำว่า กรุ๊ป ต่อท้ายชื่อ การ Rebranding พร้อมกับการย้ายจากหมวดธุรกิจ Entertainment มาอยู่หมวด Commerce ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเป็นการตอกย้ำให้ทั้งนักลงทุนและผู้บริโภคเห็นว่า อาร์เอส ไม่ได้ประกอบธุรกิจสื่อและบันเทิงเท่านั้น แต่ได้ขยายเข้าสู่ธุรกิจคอมเมิร์ซมากว่า 4 ปีแล้ว ภายใต้โมเดลธุรกิจ ‘Entertainmerce’ และยังมีการปรับกลยุทธ์และดึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้กับการทำงานให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของแต่ละธุรกิจ รวมถึงปรับโครงสร้างองค์กรให้คล่องตัว และเตรียมคนให้สอดคล้องกับค่านิยมใหม่ขององค์กร เพื่อให้ อาร์เอส กรุ๊ป เป็นองค์กรที่ยืนหยัดอย่างแข็งแกร่ง และเติบโตอย่างยั่งยืน