“การช่วยเหลือผู้คนเป็นภาระที่หนักหน่วงแต่ภาคภูมิใจ อย่างน้อยเราช่วยคนที่ไม่มีความสุข ลำบาก หรือแย่ขนาดอยากฆ่าตัวตาย ถ้าช่วยเค้าได้ เราก็ได้ทำในสิ่งที่มีคุณค่าต่อผู้คน”
จากภาพพิธีกรฝีปากกล้า หน้าตี๋ หัวสี มีหนวด ที่เราคุ้นชินตาอยู่ในหน้าจอทีวีมาตลอดเกือบ 20 ปี วันนี้ มีโอกาสได้พบเจอตัวเป็นๆ “น้าเน็ก-เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา”ในฐานะพิธีกรขาประจำกับรายการ “ราคาพารวย” ที่กลับมาออกอากาศทางช่อง 8 ในเครือ อาร์เอสด้วยเอกลักษณ์ลีลาการจัดรายการที่ครบรสทั้งความสนุกสนานความจัดจ้านที่ไม่เหมือนใคร แต่ชายวัย 50 ต้นๆ ในชุดสูทเสื้อเชิ้ตสีขาวดูสะอาดตาที่ให้เกียรติมาเป็นแขกรับเชิญพิเศษของเราในวันนี้ ไม่เหมือน “น้าเน็ก”ที่เคยรู้จัก หากแต่เป็นพี่ชาย หรือน้าชาย ที่มีแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต รวมถึงมีแรงผลักดันอันแรงกล้าที่อยากจะช่วยเหลือผู้คนจากปัญหาชีวิต คล้ายแนวคิดค่านิยมองค์กร หรือ Core value ของ RS Group
ย้อนประวัติ “น้าเน็ก” กว่าจะมาเป็นพิธีกรฝีปากกล้า จนถึงที่ปรึกษาในรายการ”อย่าหาว่าน้าสอน”
“น้าเน็กก็เป็นใครคนหนึ่งที่อยู่ในอุตสาหกรรมทีวีตั้งแต่งานเบื้องหลัง ทำทุกตำแหน่งเลยยกเว้นแต่งหน้ากับคอสตูม แล้วก็ด้วยจังหวะชีวิตที่จับพลัดจับผลูได้มาทำเบื้องหน้ากับหน้าที่พิธีกร พร้อมๆ ทำงานเบื้องหลังไปด้วยในฐานะผู้ผลิตรายการครับ ผ่านวันเวลามาประมาณ 20 กว่าปี มาถึงวันที่มีสื่อใหม่ๆ เกิดขึ้น ก็คือออนไลน์ ด้วยความที่เราเป็นคนทำคอนเทนต์ ตรงไหนที่เป็นโอกาสใหม่ๆ คนดูไปอยู่ที่ไหนเราก็ต้องตามคนดูไปที่นั่น วันนี้เลยนอกจากงานในรายการทีวีดิจิทัล ก็มีช่องทางออนไลน์ ซึ่งรูปแบบแนวออนไลน์ และวิธีการนำเสนอก็จะแตกต่างจากคนดูทีวีทั่วไป เพราะออนไลน์ต้องการสื่อสารแบบ Interactive คนสามารถดู และคอมเมนต์ ถามคำถาม โทรมาถามได้ ไลฟ์สด ก็คือออกอากาศสด 5 ชั่วโมง”
“ก็เลยทำให้ทุกวันนี้เรามี 2 บทบาท ทั้งในทีวีดิจิทัลที่ทุกคนคุ้นเคย กับงานในออนไลน์ที่ทุกคนสามารถจับต้องเราได้ คอนเทนต์ในออนไลน์อาจจะไม่บันเทิงสักเท่าไร แต่เป็นเรื่องของการให้คำปรึกษา ช่วยเหลือผู้คน เพื่อทำให้ชีวิตผู้คนดีขึ้นด้วยประสบการณ์ที่เราทำงานและมีชีวิตอยู่มานาน ก็มีเรื่องที่จะถ่ายทอด ในแง่ตอบปัญหาชีวิต ความรักก็จะอยู่ในคอนเทนต์ที่เรียกว่า ‘อย่าหาว่าน้าสอน’ ในแง่ที่เป็นปัญหาเรื่องเพศคือ ‘หงี่-เหลา-เป่า-ติ้ว’ ปัญหาเรื่องการเงินใน ‘คุยต้องรวย’ เรื่องกฎหมายก็เป็น ‘เรื่องมวลชนกับทนายมนต์ชัย’
และล่าสุด คนมีปัญหาเรื่องโควิด-19 ตกงานต้องมาทำอาหารเดลิเวอรี่โฮมเมด เราก็ใช้เพจเราเป็นศูนย์กลางในการแนะนำให้คนรู้จักอาหารเจ้านี้ก็เป็นเหมือนรีวิวอาหารชื่อว่า ‘มหากาพย์ไลฟ์สดรีวิวอาหารช่วยชาติ’ สังเกตว่าในทุกคอนเทนต์ของแชนแนล NANAKE555 จะเป็นงานปรึกษา แก้ปัญหา และช่วยคลี่คลายในวิธีการแล้วแต่คอนเซ็ปต์ของแต่ละรายการ รูปแบบการทำงานมันจะต่างออกไปจากทีวีทั่วไป คือ มีการสัมผัสชีวิตผู้คนอย่างจริงจัง รู้เลยว่าใครดูเราอยู่ และผู้คนทุกวันนี้ก็ต้องการอะไรที่มากกว่าบันเทิงคือการแก้ปัญหา ในสื่อออนไลน์ก็เลยตอบโจทย์ครับ” น้าเน็กกล่าวถึงประวัติของตนและผลงานในปัจจุบัน
เรื่องราวอะไรที่น้องๆ โทรมาขอคำปรึกษาแล้ว“น้าเน็ก”รู้สึกประทับใจที่สุด
“คนรุ่นใหม่ทุกวันนี้อยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น คำถามที่ผมฟังแล้วรู้สึกชื่นใจก็คือ เค้าจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นยังไงได้บ้าง? ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความสัมพันธ์ การงาน ครอบครัว หรือแม้กระทั่งในเรื่องส่วนตัวอะไรบางอย่าง คนรุ่นใหม่มี Growth Mindset ที่คิดถึงชีวิตในภายภาคหน้า มีภาวะของการอยากพัฒนาตัวเอง เราเลยรู้สึกว่าอยู่ในสังคมที่มีความหวัง ประทับใจที่คนอยากดีขึ้น”
“ส่วนปัญหาก็มีทุกเรื่อง ซึ่งเราไม่ได้แค่รับฟัง แต่เราช่วยแก้ไขเพราะเรามีเครือข่ายส่งต่อ เช่นจิตแพทย์ หรือเรื่องบางเรื่องต้องใช้เครื่องมือที่เรียกว่ากฎหมาย หรือความรู้ด้านการเงิน หรือการหยิบยื่นโอกาส จะสังเกตว่าในทุกคอนเทนต์ของเราจะเชื่อมโยงกันเกี่ยวกับชีวิตผู้คนทั้งหมด เราเหมือนเป็นศูนย์กลางเพื่อให้คนที่ไม่มีความสุข และมีปัญหาชีวิตได้เข้ามา เรารับฟังเรื่องเค้าและหาทางออกให้เค้าเท่าที่เราจะทำได้ครับ” น้าเน็กตอบพร้อม
ความท้าทายระหว่างการทำหน้าที่พิธีกร กับที่ปรึกษาปัญหาชีวิต
“ยากคนละแบบครับ พิธีกรเราต้องรับผิดชอบคอนเทนต์รายการ เราต้องดำเนินการถ่ายทอดให้สนุกสนานน่าดูน่าประทับใจในรูปแบบของรายการทีวี ส่วนการเป็นที่ปรึกษาปัญหาชีวิตในการทำคอนเทนต์ออนไลน์ หนึ่งคือเราไม่รู้เลยว่าใครจะโทรมา มันคือการรับสายสด ไม่มีการสกรีนเลย โทรปุ๊บรับทันทีไม่รู้ว่าเรื่องอะไร หนักหนาแค่ไหน และเราจะต้องมีคำปลอบให้เค้าทันที และความช่วยเหลือต้องเกิด ณ เดี๋ยวนั้น และกลายเป็นภาระที่หนักหน่วงมาก แต่บนความหนักหน่วงนั้นเราก็รู้สึกภาคภูมิใจพอๆ กัน เพราะว่าอย่างน้อยใครสักคนที่เค้าไม่มีความสุข ลำบาก หรือเค้าแย่ถึงขนาดบางทีอยากฆ่าตัวตาย แล้วเราช่วยเค้าได้ ทั้งเราและทีมงานทุกคนก็มีความรู้สึกว่า เราทำสิ่งที่มีคุณค่าต่อผู้คนด้วยความภาคภูมิใจ” น้าเน็กกล่าว
คิดว่าอะไรคือแรงผลักดันสำคัญ ที่ทำให้ “น้าเน็ก” ประสบความสำเร็จในชีวิต
น้าเน็กกล่าวถึงชีวิตการทำงานว่า “ในทุกจังหวะชีวิต ในทุกกาลเทศะ ในทุกบทบาทที่น้าเน็กเป็นมาจากวัยรุ่นจนถึงแก่ป่านนี้ เราคิดเสมอว่า “มันจะดีกว่านี้ได้ยังไง” วันที่ทำคอนเทนต์แบบสนุกสนานแบบตลกโปกฮาก็เล่นใหญ่ใส่เต็มสุดทุ่มเทเต็มที่ ในวันที่เราโตขึ้นเพิ่มเติมบทบาทใหม่ๆ ในชีวิต และมาในวัยที่ผมไม่สีแล้ว ใส่สูท ไม่แต่งตัวจัด ไม่คึกคะนองเหมือนเดิมแล้ว เรามาทำคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้คน แต่ก็อยู่บนหลักเดิมว่า ทำยังไงมันจะดีขึ้น ถ้าคิดอย่างนี้ทุกวัน พอเราตั้งเป้าว่ามันจะดีกว่าเดิมได้ยังไง ด้วยกระบวนการการคิด ด้วยวิธีการเตรียมตัว และวิธีการที่เรานำเสนอออกไปมันก็จะดีขึ้นกว่าเดิมเสมอ พอได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เราก็ได้รับการตอบรับจากผู้คนตลอดเวลา
ผมรู้สึกว่าคำว่าประสบความสำเร็จที่แท้จริง ต้องดูกันไปยาวๆ เพราะเราไม่รู้ว่า เราจะพลาดวันไหนจริงๆ ในการตอบปัญหาชีวิตผู้คนก็จะมีเรื่องใหม่ๆ ที่ยากเย็นเข้ามาเรื่อยๆ ตราบใดที่เราทำได้ดีเหมือนเดิมก็โอเค ตราบใดที่สิ่งที่เราแนะนำไปมันส่งผลร้ายหรือใช้คำว่าพลาดวันนั้นก็คงเป็นวันที่เราจะต้องทบทวนการทำงานของตัวเองใหม่ งานที่ทำอยู่เราจึงการ์ดตกไม่ได้ มันโคตรท้าทายมาก ไม่ว่าจะเป็นงานพิธีกรในทีวีดิจิทัล หรืองานในออนไลน์ก็ต้องการชุดความคิดที่ต้องบอกตัวเองเสมอว่ามันจะดีขึ้นกว่านี้ได้ยังไงเพื่อไม่ให้ต่ำกว่ามาตรฐานที่เราสร้างไว้ ซึ่งนับวันก็จะยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ”
คติประจำใจของ “น้าเน็ก”
“ผมดำเนินชีวิตด้วยเหตุผล 4 ข้อ ซึ่งเผอิญไปตรงกับปรัชญาญี่ปุ่นที่เรียกว่า อิคิไก (IKIGAI) แปลว่าเหตุผลในการมีชีวิตจะประกอบไปด้วย 4 ข้อ คือ 1 อยู่กับสิ่งที่ตัวเองรัก 2 ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด 3 เลี้ยงชีพได้ และข้อสุดท้ายคือ 4 ดีต่อผู้คน นี่คือคติ 4 ข้อที่จะทำแบบนี้ไปตลอดทั้งชีวิต” น้าเน็กส่งท้ายการสัมภาษณ์ด้วยคติประจำใจ