“ไม่ว่าจะเจ็บป่วยยังไงแต่เรามีแฟนคลับที่ตั้งใจมาดูเราเกือบหมื่นคน ‘เราจึงป่วยไม่ได้ เจ็บไม่ได้ แล้วมันก็หายจริงๆ นะ!’ มันได้กำลังใจจากคนดูจากครอบครัวนี่แหละคือแรงผลักดันที่ทำให้เรามีพลังออกไปแสดงข้างหน้าเวทีได้”
บางครั้งการที่ต้องพบเจอกับความยากลำบากตั้งแต่ในวัยเด็กด้วยครอบครัวมีฐานะยากจน ก็ทำให้คนบางคนเกิดแรงผลักดันต่อสู้เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของตัวเองและครอบครัว จนถึงวันนี้วันที่เค้าประสบความสำเร็จพร้อมเป็นตัวอย่างแรงบันดาลใจให้ใครหลาย ๆ คน อย่างดารานักแสดงลิเกชื่อดัง “เอ-ไชยา มิตรชัย” ที่ให้เกียรติเป็นแขกรับเชิญในบทความพิเศษของเราในวันนี้ ก็มีทางเดินชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ทุก ๆ อุปสรรคล้วนเป็นบทเรียนสอนให้เข้มแข็งอดทนจนประสบความสำเร็จในที่สุด และเอ-ไชยา มิตรชัย จะมีวิธีรับมือและจัดการกับปัญหาอย่างไรอีกมาดูกัน
เส้นทางชีวิต “เอ-ไชยา มิตรชัย” จากพระเอกลิเกเงินล้าน สู่พิธีกรฝีมือดี
“จริง ๆ แล้วพี่ต้องขอบคุณอาชีพลิเก เพราะว่าที่บ้านต้นตระกูลเลยเป็นลิเกทั้งปู่ย่าตายายคุณพ่อคุณแม่ และต้องขอบคุณสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและเด็กยากจนวัดสระแก้ว ที่ทำให้เกิด ไชยา มิตรชัย ขึ้นมา ที่วัดสระแก้วเป็นแหล่งรวมของเด็กกำพร้าทั่วฟ้าเมืองไทยทั้งอีสาน เหนือ ออก ใต้มารวมอยู่ที่นั่นกันหมด ซึ่งพี่ได้เข้าไปหัดลิเกและโตมาด้วยข้าวก้นบาตรจากที่นั่นจริง ๆ ได้เล่นลิเกเลี้ยงน้อง ๆ หลาย ๆ ชีวิตตอนนั้น 2,000 กว่าคน ได้เล่นลิเกตั้งแต่ 4 ขวบ จากนั้นประมาณอายุ 12-13 ปีอาชีพลิเกได้ต่อยอดให้เราได้ไปเล่นละคร ได้ร้องเพลง ได้ทำ 3 อาชีพเลยตอนนั้น”
“จนเราอิ่มตัวกับการใช้ชีวิต เพราะทำงานมาตั้งแต่เด็ก ๆ อายุแค่ 17-18 แต่เราทำงานจนเหมือนผู้ใหญ่ 40 เข้าไปแล้ว วัยมันโตไปกับงานแล้ว ไม่มีโอกาสได้เที่ยว น่าจะประมาณ 5 ปีเต็มๆ ที่เหมือนลาวงการไปเลย ไม่ได้ออกหน้าจอทีวี จนรายการ “ครัวลั่นทุ่ง” ทาง ช่อง 8 ชวนมาทำ ซึ่งตอนแรกเราก็คิดว่าคงไม่ทำหรอก แต่สุดท้ายมันเหงาๆ อยู่บ้านก็เลยรับเป็นรายการแรกที่ได้กลับเข้ามาในหน้าจอทีวี จากนั้นรายการประเภทคอมเมนเตเตอร์ของเพื่อนพ้องน้องพี่ในแวดวงเดียวกันก็ชวนไปรายการนั้นรายการนี้มาเรื่อย ๆ ต้องขอบคุณอาชีพลิเกจริง ๆ ที่สอนเราให้เติบโตและก้าวขึ้นมาครับ” เอ-ไชยา มิตรชัย เล่าถึงเส้นทางก่อนเข้าวงการบันเทิง
อะไรคือแรงผลักดันสำคัญของ “เอ-ไชยา มิตรชัย” ที่ทำให้มีวันนี้
“พี่ว่าแรงผลักดันคือครอบครัว เพราะว่าเราเป็นครอบครัวที่ยากจนมาก่อน แล้วเราก็อยู่กับความลำบากมา พี่ถึงได้บอกว่าพี่ขอบคุณ ‘ความจน’ ความไม่มีของครอบครัวเราทำให้เราอดทน และเข้มแข็ง แข็งแรง ถ้าพี่มาจากครอบครัวที่สบายแล้วต้องมาเล่นลิเกด้วยถ่ายละครด้วยทำงานหนักขนาดนี้พี่ว่าร่างกายเราคงไม่ไหว แต่พอเราถูกฝึกมาแบบนี้ครับว่า ‘เราต้องไหว ๆ’ และประกอบกับว่าเห็นพ่อแม่ลำบากเราก็เลยอยากให้ท่านสบายบ้าง ก็เลยตั้งใจและทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวก็ดี
รวมทั้งรู้จักหน้าที่ของตัวเองก็ดี เพราะตลอดเวลาไม่ว่าจะเจ็บป่วยยังไงก็แล้วแต่เรามีคนดูเป็นที่ตั้งเราต้องเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา เมื่อเค้าตั้งใจมาดูเราบางคืนเกือบ 10,000 ในขณะเดียวกันเราป่วย แต่เราแค่คนเดียวกับอีกหลายคนที่ตั้งใจมาดูเรา พี่ก็เลยบอกว่า ‘ป่วยไม่ได้ เจ็บไม่ได้ แล้วมันหายจริง ๆ นะ!’ มันได้กำลังใจมาจากครอบครัวนี่แหละครับคือแรงผลักดันทำให้เราออกไปแสดงข้างหน้าเวทีได้ และกำลังใจจากคนดูนี่แหละคือแรงผลักที่ทำให้เรามีพลังเกิดขึ้น” เอ-ไชยา มิตรชัยกล่าว
เคล็ดลับมัดใจแม่ยกแฟนคลับของ “เอ-ไชยา มิตรชัย”
“จริง ๆ พี่เป็นคนไม่ปากหวานเลยนะ แต่เป็นคนที่ไม่ก้าวร้าว ถ้าไม่ชอบคือนิ่ง หรือถ้ามันเกินเลยเหลือบ่ากว่าแรงจริง ๆ จะสวน แต่ไม่แรง คือก้าวร้าวไม่เป็น ทั้งนี้ทั้งนั้นคือเราเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย และเป็นตัวของตัวเองมาโดยตลอด เราไม่เคยพยายามที่จะเป็นคนนั้นคนนี้ เป็นชีวิตของเรานี่แหละคือเป็น ‘เอ-ไชยา มิตรชัย’ ครับ”
ทุกวันนี้ “เอ-ไชยา มิตรชัย” ประสบความสำเร็จมากมาย มีเป้าหมายในชีวิตอะไรอีกไหม
“เป้าหมายตอนนี้พี่อยู่กับหลักธรรมเยอะมากไม่ได้คิดถึง ‘พรุ่งนี้’ เพราะมันยังมาไม่ถึง แล้วก็ ‘เมื่อวานนี้’ เราทำไปแล้วเราใช้ไปแล้ว เหมือนถ้าเราผิดพลาดอะไรไปเราแก้ไขไม่ได้ แต่ถ้าเมื่อวานนี้ เราสร้างความดีเอาไว้กรรมดีนั้นมันจะมาสนองเราตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงอนาคต ซึ่งอนาคตเป็นเรื่องของความไกลมันเกินความคาดหมายแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราอยู่บนบรรทัดฐานของปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเราต้องรู้จักหน้าที่ของเราต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด การที่วันหนึ่งเราได้ตื่นขึ้นมาแล้วยังมีลมหายใจมันคือของขวัญที่สุดพิเศษแล้ว เพราะฉะนั้นที่เรายังหายใจได้ในวันนี้เราจะทำอะไรให้มันเกิดประโยชน์ เหมือนที่พี่มาวันนี้ มาถ่ายรายการ ถามว่าเมื่อวานเราเหนื่อยมามั้ย..เหนื่อย แต่เราจะเอาเมื่อวานมาบวกกับวันนี้ไม่ได้เพราะฉะนั้นเราก็ต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุดและทำมันให้เต็มที่ และถ้ามีโอกาสสร้างบุญสร้างกุศล พี่เชื่อว่าชื่อเสียงเดี๋ยวมันก็หมด แต่ถ้าความดีและบุญกุศลที่เราสร้างในวันนี้มันจะเป็นแรงผลัก ถ้าเกิดว่าพรุ่งนี้พี่อาจจะหลับไปแล้วตื่นหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ ว่าถ้าเราทำความดีวันนี้อย่างน้อยๆ เราก็เก็บกินในภพภูมิข้างหน้าได้” เอ-ไชยา มิตรชัย กล่าว
ขอขอบคุณภาพหล่อๆ จาก App : A&P Mitchai