การวางกลยุทธ์ทางธุรกิจ สู่ความสำเร็จของอาร์เอส กรุ๊ป

ส่งต่อข่าวนี้
  • Facebook
  • Twitter
  • Line
  • Copy Link

ยุคที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ Passion อย่างเดียวไม่พอ ต้องวางกลยุทธ์ทางธุรกิจให้เป็นด้วย

การวางแผนกลยุทธ์บริษัทและธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

คำว่า กลยุทธ์ทางธุรกิจ อาจฟังดูยากและเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะกับผู้ที่วางแผนอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าขายออนไลน์ที่กำลังเป็นที่นิยม เรื่อยไปจนถึงธุรกิจ SME หรือ Start up ที่พบเห็นได้มากขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่

 

คุณสุรชัย เชษฐโชติศักด์กับการวางกลยุทธ์บริษัทอาร์เอส กรุ๊ป

สำหรับทุกการเริ่มต้นธุรกิจนั้น ไม่ว่าจะเกิดจากแรงบันดาลใจหรือความชอบ เราต้องคิดกลยุทธ์ทางธุรกิจด้วย ซึ่งสามารถเรียนรู้จากหลากหลาย case study จากผู้ที่มีประสบการณ์และประสบความสำเร็จแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือมุมมองทางธุรกิจของ เฮียฮ้อ หรือคุณสุรชัย เชษฐโชติศักด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RS Group ที่พาองค์กรก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงมาหลายยุคสมัย โดยไม่ต้องรอให้ธุรกิจถูก disrupt

 

การวางกลยุทธ์ธุรกิจของ RS Group

มุมมองในการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจของเฮียฮ้อแบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลา นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท RS มาร่วม 40 ปี และมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะกับยุคสมัย ดังนี้

  • ช่วงเริ่มต้นธุรกิจ (1982-1991)

ช่วงเริ่มต้นนั้นเป็นยุคปลาใหญ่กินปลาเล็ก และอาร์เอสเองที่ยังเป็นเสมือนปลาเล็กนั้นพูดได้เลยว่า กลยุทธ์ธุรกิจที่สำคัญในช่วงนั้นคือ ทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกปลาใหญ่กินก่อนที่เราจะโต ต้องวาง mindset ว่าเราจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ธุรกิจไปรอดและเติบโตให้ได้

  • ช่วงทำธุรกิจปี (1992-2015)

ช่วงที่ธุรกิจเริ่มเติบโต และได้ย้ายสำนักงานใหญ่มาที่ซอยลาดพร้าว 15 เวลานั้น อาร์เอส เริ่มกลายเป็นปลาที่ใหญ่ขึ้นในอุตสาหกรรมบันเทิง และแนวคิดในการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ต้องเหมาะสมกับช่วงเวลานั้นๆ คือ ปลาเร็วกินปลาช้า ไม่ต้องกลัวว่าปลาใหญ่จะฮุบเราอีกต่อไป แต่ใครว่ายน้ำได้เร็วกว่าคือได้เปรียบ และตอนนั้น อาร์เอส เองก็สามารถพิสูจน์ตัวเองว่า แม้จะเติบโตเป็นปลาใหญ่แต่ก็ว่ายน้ำเร็ว เข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ และสามารถก้าวข้ามทุกอุปสรรคได้อย่างคล่องตัว

  • ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2016-2020) 

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ เฮียฮ้อมองว่าเป็นยุคที่ปลาฉลาดกินปลาโง่ กลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญที่สุดคือ จะทำอย่างไรไม่ให้องค์กรของเราโง่  โดย อาร์เอส มองข้ามเรื่ององค์กรใหญ่หรือเล็กไปแล้ว เพราะต่อให้เป็นองค์กรเล็ก แต่วางกลยุทธ์ของบริษัทและบริหารจัดการได้อย่างชาญฉลาด คล่องตัว พร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ก็สามารถรอดได้ ยิ่งถ้าเป็นองค์กรใหญ่ที่ชาญฉลาดด้วยยิ่งดี ซึ่งความฉลาดนั้นสามารถตีความได้หลายมิติ ต้องเริ่มต้นด้วยการมองเห็นและคว้าโอกาสอย่างเหมาะสม และต้องรู้จังหวะของธุรกิจด้วยว่าเมื่อไรควรทำ เมื่อไรควรถอย เมื่อไรควรหยุด หรือตอนไหนควรช้าหรือควรเร็ว

เชื่อว่าแนวคิดในการสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจของ RS Group จะเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ใครก็ตามที่อยากเริ่มต้นทำธุรกิจในยุคนี้ เรายังมีอีก 4 คำแนะนำดีๆ สำหรับนำไปต่อยอดและปรับใช้ในการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจเพิ่มเติมด้วย

 

วางกลยุทธ์ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

วางกลยุทธ์บริษัทให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

สำหรับช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจ แน่นอนว่าการใช้เงินทุนอย่างคุ้มค่าเพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่ดี คือหัวใจสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม การมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน มองภาพออกว่าคุณกำลังทำธุรกิจกับใคร เป็นลูกค้ากลุ่มไหน มีรูปแบบการใช้ชีวิตอย่างไร จะช่วยให้คุณเริ่มต้นวางกลยุทธ์ธุรกิจสำหรับลูกค้ากลุ่มนั้น ๆ ได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารหรือการจัดทำโปรโมชั่นทางการตลาดต่างๆ

 

วางกลยุทธ์อย่างมีเรื่องราว

วางกลยุทธ์บริษัทอย่างมีเรื่องราว

การทำธุรกิจไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนสูงในการสร้างแบรนด์เสมอไป แต่สามารถใช้เรื่องราวการเริ่มต้นหรือที่มาของสินค้าเพื่อเป็นจุดขายได้ หาให้เจอว่าจุดเด่นของแบรนด์คืออะไร จุดขายของสินค้าหรือบริการคืออะไร และจะช่วยแก้ปัญหาของกลุ่มเป้าหมายได้จริงอย่างไร นำมาร้อยเป็นเรื่องราวให้น่าสนใจ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ทิศทางการวางแผนกลยุทธ์บริษัทและจุดขายของแบรนด์ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดการรับรู้และช่วยให้ลูกค้าจดจำสินค้าหรือบริการจากธุรกิจของคุณได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

 

วางกลยุทธ์ร่วมกับพันธมิตร

วางกลยุทธ์บริษัทร่วมกับพันธมิตร

กลยุทธ์ธุรกิจข้อนี้ ถือเป็นความได้เปรียบหากคุณมีพันธมิตรที่พร้อมวางแผนและดำเนินธุรกิจควบคู่กันไปภายใต้เป้าหมายเดียวกัน โดยผลลัพธ์ที่ได้ เกิดประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย ก็จะช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกิจ เพิ่มโอกาสให้ธุรกิจเติบโตและมีกำไรได้มากขึ้น และยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกลุ่มผู้ดำเนินธุรกิจด้วยกันอีกด้วย

 

วางกลยุทธ์เพื่อครองใจลูกค้าปัจจุบัน

วางกลยุทธ์ธุรกิจเพื่อครองใจลูกค้าปัจจุบัน

เพราะลูกค้าคือคนสำคัญที่สุด เพราะการบอกปากต่อปากจะช่วยโปรโมทสินค้าและสร้างการรับรู้ให้กว้างยิ่งขึ้นจากประสบการณ์การใช้จริง นอกจากนั้นการพยายามรักษาฐานลูกค้าปัจจุบัน ช่วยจูงใจให้เกิดความภักดีต่อแบรนด์ รวมทั้งการนำเอาฟีดแบคของลูกค้าหรือผู้รับบริการมาปรับปรุงเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณให้ตอบโจทย์และแก้ปัญหาของลูกค้าได้อย่างตรงจุด กลยุทธ์ธุรกิจรูปแบบนี้จะช่วยทำให้เรารักษาฐานลูกค้าและได้ลูกค้ากลุ่มใหม่เพิ่มขึ้น นับเป็นกลยุทธ์เพื่อครองใจลูกค้าปัจจุบันที่ผู้ทำธุรกิจควรให้ความสำคัญเช่นกัน

ดังนั้นหากเราใส่ใจในการทำธุรกิจตั้งแต่การเริ่มต้นวางกลยุทธ์ธุรกิจที่เฉียบคม ตรงจุด รวมทั้งหมั่นสังเกต เรียนรู้จากสิ่งต่างๆ รอบตัว และทันต่อสถานการณ์อยู่เสมอ ย่อมทำให้ธุรกิจเดินหน้าไปได้ อันจะนำไปสู่การเติบโตทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืน