“เราต้องพิสูจน์ตัวเองเยอะ ด้วยว่าเราเป็นแบบนี้ สมัยก่อนพ่อแม่ศิลปินอาจจะไม่แน่ใจ แต่สุดท้ายพิสูจน์ด้วยงาน จนทุกวันนี้พ่อแม่ทุกคนยอมรับและเรียกเราว่าแม่”
แม้จะเป็นเวลาเกือบ 20 ปีที่ได้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของศิลปินใน RS Group แต่ “ครูก้อง-ปรีดิยุช” ก็ยังนิยามตัวเองว่าเป็นเพียง “นั่งร้าน” ที่เปรียบเสมือนใช้เพื่อการก่อร่างสร้างตึกและพร้อมจะถูกรื้อร้างเมื่ออาคารสวยเสร็จสมบูรณ์ หากแต่การที่ได้คัดสรรปลุกปั้นดาราให้สามารถแจ้งเกิดเฉิดฉายในวงการบันเทิง กลับสร้างความสุขและความรู้สึกอิ่มเอมใจที่ได้เห็นนักแสดงในสังกัดประสบความสำเร็จ ไม่เฉพาะในฐานะ ผู้จัดการฝ่ายคัดเลือกและพัฒนาศิลปิน ของช่อง 8 เท่านั้น แต่ยังได้หล่อหลอมบทบาทหน้าที่เข้าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของ “ครู” และ “แม่” ไปแล้ว
เพราะโลกเปลี่ยน ฝ่ายคัดเลือกและพัฒนาศิลปิน ในวันนี้จึงเปลี่ยนไปจากเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
“เมื่อก่อนฝ่ายพัฒนาศิลปิน จะประกอบไปด้วยส่วนเคสติ้งคือหา เทรนนิ่งคือสอน ไลฟ์ไดเรกเตอร์คือดูการแสดงสด ซึ่งก้องจะอยู่ในส่วนคัดเลือกสรรหา มีลูกน้อง 5 คน กระจายให้ออกไปเดินหาเด็กๆ มาเป็นศิลปิน แต่สมัยนี้ไม่จำเป็นแล้ว มีโลกโซเชียลให้เราเสิร์ธ เราส่องในไอจีแล้วไดเรกไปหา เมื่อก่อนเด็กๆ ที่เข้ามาก็หวังว่าจะมาเล่นละคร มาออกเทป มีเพลง แล้วก็ดัง และรวย แต่วันนี้รวยด้วยสื่อโซเชียลต่างๆ งานตรงนี้เลยกลายเป็นคนที่ต้องบริหารเก่ง บริหารศิลปินดาราอย่างไรให้เป็นสินทรัพย์ที่มีค่ากับบริษัท แต่ใจความหลักการสรรหา และปั้นนักแสดงก็ยังเป็นสิ่งที่เราทำอยู่ เพียงแต่ว่าทุกวันนี้ เราสอนเรื่องการตอบคำถามแบบใหม่ สอนเรื่องการใช้โซเชียล การสร้างตัวตนให้โดดเด่น”
ที่มาของคำว่า “แม่” และ “ครู” จากงานช่วย จนกลายเป็นหน้าที่ที่รัก และรับผิดชอบ
“ด้วยความที่เราเป็นคนคัดเลือกก็เลยรู้ธรรมชาติของศิลปินทุกคน เลยเริ่มสอนเค้าเวลาไปเจอสื่อ พูดยังไง ตอบยังไง หรือเวลาขึ้นเวทีคอนเสิร์ตแล้วพูดไม่สนุก ก้องก็จะช่วยสอน จากช่วยจนกลายเป็นความรับผิดชอบเป็นหน้าที่ คำว่าครูก็เลยค่อยๆ ทยอยมา จากพี่เป็นครู แล้วตีคู่มากับคำว่าแม่ค่ะ (หัวเราะ) แต่เราก็ต้องพิสูจน์ตัวเองเยอะ ด้วยว่าเราเป็นแบบนี้ สมัยก่อนพ่อแม่ศิลปินที่เจอคนดูแลที่เป็นอย่างเรา เค้าอาจจะไม่แน่ใจ อาจจะเกร็งๆ แต่สุดท้ายพิสูจน์ด้วยงาน จนทุกวันนี้พ่อแม่ทุกคนยอมรับและเรียกเราว่าแม่ตามลูกๆ ไปด้วย”
บทพิสูจน์การทำงาน ความรัก และความจริงใจ สลายกำแพงความหลากหลายทางเพศ
“ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเป็นปัญหาในการประสานงานเลยนะคะ เพราะถ้าเราจริงใจ เรามีความสุข เรารักที่จะทำ เราก็สนุกที่จะติดต่อกับทุกคน และถึงจุดนี้ ก้องไม่โดนเรื่องการบูลลี่แล้ว เพราะก้องโตแล้ว ทั้งแกร่งทั้งสตรอง คิดว่าคงไม่มีใครกล้าแล้ว (หัวเราะ) แต่ช่วงก่อนก็อาจจะมีโน่นนี่บ้าง แต่เราก็ต้องมั่นใจในตัวเอง สตรองในจุดยืนของตัวเอง ตั้งมั่นว่าสิ่งที่เราทำเพื่ออะไรแล้วงานก็จะสำเร็จได้”
ทีมงานแบบไหนที่ฝ่ายคัดเลือกและพัฒนาศิลปินต้องการ?
“อย่างที่บอกว่าโลกเปลี่ยน การสรรหาดาราไม่ได้ยากอีกต่อไป เพราะอย่างล่าสุดแค่เราประกาศอีเมล์ในเรื่องเด็กนิวเจน ช่อง 8 ก็มีคนสมัครมาเป็น 1,000 แล้ว เราจึงต้องการคนที่จะมาช่วยกรอง คัด พัฒนา และบริหารนักแสดง อยากให้เข้ามาช่วยผลักดันตรงนี้ให้เกิด นี่คือหน้าที่ที่สำคัญของคนๆ นี้เลยค่ะ”