“ลิเกเป็นอาชีพที่พ่อรักมาก คำสั่งเสียของพ่อก่อนตายเป็นแรงบันดาลใจให้เราสืบสานวัฒนธรรมลิเกไปให้นานที่สุด”
ถึงแม้ทุกวันนี้จะมีสื่อโซเชียลที่ให้ความบันเทิงมากมายจนหลายๆ คนอาจจะหลงลืมศิลปะการแสดงพื้นบ้านอย่าง‘ลิเก’ หากแต่ยังมีนักร้องนักแสดงหนุ่ม “กุ้ง สุธิราช อาร์สยาม” ในสังกัดค่ายเพลง “อาร์สยาม” ที่ยังคงมุ่งมั่นทำหน้าที่สืบสานคณะลิเก “วงศ์เทวัญ” ด้วยแรงบันดาลใจจากคำสั่งเสียของคุณพ่อณรงค์ อุสุภะ ที่หวังให้ลูกหลานสืบทอดศิลปวัฒนธรรมที่เป็นรากเหง้าของคนไทยนี้ตลอดไป
“กุ้ง สุธิราช อาร์สยาม” เล่าประวัติกว่าจะมาเป็นพระเอกลิเกลูกทุ่ง จนถึงพิธีกรชื่อดัง
กุ้ง สุธิราช กล่าวว่า “ผมเกิดมาในครอบครัวลิเกที่จังหวัดชัยนาทในคณะทวีป-ชัยณรงค์ วงศ์เทวัญ ของคุณพ่อคุณแม่ เลยซึมซับการแสดงที่คุณพ่อคุณแม่หวังว่าเราจะก้าวขึ้นมาเป็นพระเอกลิเกตามแบบที่พ่อเป็น ซึ่งผมก็ต้องฝึกฝนจนได้ก้าวมาเป็นพระเอกลิเก โดยที่ก็ยังไม่ทิ้งฝันที่อยากจะเป็นนักร้อง และเมื่อมีโอกาสได้ออกอัลบั้มทำเพลง ‘ขอเป็นพระเอกในหัวใจเธอ’ ก็เริ่มมีชื่อเสียงมีคนรู้จักมากขึ้น มีทั้งการแสดงลิเก และการแสดงคอนเสิร์ตที่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนๆ จนได้เข้ามาในชายคาของ ‘อาร์สยาม’ ได้ทำอัลบั้มชุดแรก ‘เรี่ยมเร้เรไร’ ได้รางวัลมากมายอย่าง เพชรในเพลง และมีเพลงฮิตที่ทุกคนรู้จักมากขึ้นคือ ‘เทพีบ้านไพร’ หลังจากนั้น ก็มีโอกาสได้แสดงละครกับทาง ช่อง 8 อย่าง ‘ราชินีลูกทุ่ง’ และยังได้ร่วมรายการ ‘อึ้งทึ่งเสียว’ ในฐานะพิธีกรมาประมาณ 7 ปี ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนพาแฟนๆ รายการไปรับรู้ถึงความอึ้งทึ่งเสียว และเรื่องราวแปลกๆ ถือเป็นประสบการณ์ที่ชื่นชอบ และสนุกไปกับมัน เพราะได้ไปในหลายๆ จังหวัด ในทุกๆ สถานที่ครับ”
“กุ้ง สุธิราช อาร์สยาม” เผยเรื่องราวสุดประทับใจระหว่างที่เป็นพระเอกลิเกหนุ่ม กับกลุ่มแม่ยกแฟนคลับ
“ตั้งแต่ก้าวแรกที่ได้มาเป็นพระเอกลิเก ก็ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่น และพอเป็นนักร้องลูกทุ่ง ก็ยิ่งได้รับการตอบรับที่ดีอีก ถือว่าเป็นโชคดีของเราที่มีแฟนๆ ติดตามมาตลอด 20 ปี รักกันแบบเหนียวแน่น เหมือนญาติพี่น้อง เหมือนคนในครอบครัว เรื่องราวประทับใจก็มีมากมาย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นความรักในแบบพี่น้อง แบบลูกหลาน แบบรักกันจนวันตายจริงๆ เพราะว่าแฟนคลับหลายๆ คนที่เสียชีวิตไปเราก็ไปร่วมงาน ไปเยี่ยมเยียนถามไถ่ ก็ทำให้เราเป็นครอบครัววงศ์เทวัญที่ใหญ่ขึ้น ที่แฟนๆ ก็ยังเมตตาไม่ว่าเราจะไปทำการแสดงที่ไหนก็ยังติดตามมาให้กำลังใจกันทุกที่ ไปกันแบบมากมาย ต้องขอบคุณแฟนๆ ทุกๆ คน ถ้าไม่มีแฟนคลับในวันนั้น ก็คงไม่มี กุ้ง สุธิราช วงศ์เทวัญ ที่ยืนหยัดบนเส้นทางบันเทิงมาได้ยาวนานจนถึงทุกวันนี้ครับ” กุ้ง สุธิราช เผยถึงความประทับใจที่ผ่านมา
การเปลี่ยนแปลงในโลกยุคโซเชียล มีผลกระทบกับความนิยมคอนเสิร์ตลิเกของ “กุ้ง สุธิราช” หรือไม่ และมีวิธีประยุกต์แก้ไขอย่างไร
“ก็มีผลมากเหมือนกันกับการทำงานในยุคโซเชียลแบบนี้ครับ เพราะคณะของเราต้องการอยากจะให้คนดูได้รับอรรถรสด้านหน้าเวทีมากกว่า แต่ระยะหลังก็จะมีการไลฟ์สดบ้างเพื่อให้คนที่อยู่ไกลๆ ได้มีโอกาสชมลิเกคอนเสิร์ตที่เป็นเอกลักษณ์ของ‘วงศ์เทวัญ’ ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับที่ดีทั้งในโลกโซเชียล แต่ด้านหน้าเวทีก็ยังมีแฟนๆ ติดตามมากกว่าครับ”
แรงบันดาลใจในการสืบสานศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านของพระเอกหนุ่ม “กุ้ง สุธิราช อาร์สยาม”
“ก็ถือว่าเป็นอาชีพของครอบครัวที่มีคุณพ่อคุณแม่ และญาติพี่น้องเป็นลิเกกันเกือบทั้งบ้าน ซึ่งเราก็เหมือนกับเป็นแม่ทัพ เป็นหัวหน้าในยามที่ ณ เวลานี้คุณพ่อเสียไปแล้ว เราก็มาสืบสานสืบทอดต่อกับน้องสาว ‘วิรดา วงศ์เทวัญ’ โดยมีคุณแม่คอยช่วยประคับประคองอยู่เบื้องหลัง เราอยากเป็นหัวเรือที่นำพาญาติพี่น้องทำมาหากินสุจริตในอาชีพลิเกที่เรารัก ที่คุณพ่อได้เคยสั่งเสียก่อนเสียชีวิตว่า ‘พ่อไม่มีวันที่จะทอดทิ้งลิเก และจะขอตายหน้าเวทีลิเก’ (น้ำเสียงสั่นเครือ) ซึ่งเป็นคำพูดที่สะท้อนให้เรารู้ว่าลิเกเป็นอาชีพที่พ่อรักมาก และพ่อก็ตั้งความหวังกับเราให้สืบสานวัฒนธรรมลิเกที่พ่อรักไปให้นานที่สุด เลยเป็นแรงบันดาลใจว่า เราจะทำหน้าที่ตรงนี้ต่อไป ทำให้ดีที่สุด และหวังว่าจะได้รับแรงใจจากแฟนๆ ไปอีกยาวนานเช่นเดียวกันครับ” กุ้ง สุธิราช อาร์สยาม เผยถึงแรงบันดาลใจในการสืบสานการแสดงลิเกไปให้นานที่สุด