“เราคิดในใจเสมอว่าเราเลือกแล้วที่จะเป็นคนที่ให้ความสุขกับผู้คน เพราะฉะนั้นบางคนที่เราได้ยิ้มให้เค้าเพียงแค่ครั้งเดียวแต่เค้าอาจมีความสุขไปตลอดชีวิต”
‘..ฉันคงไม่อาจทำให้เธอเปลี่ยนใจ ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉัน ฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอจะได้ไหม..รักเธอตลอดไป..’
ท่อนฮุคจากบทเพลงฮิต “ไม่อาจเปลี่ยนใจ” ในยุค 2000 ดังก้องขึ้นมาในหัวใจทันที เมื่อมีโอกาสได้พบกับศิลปินระดับตำนาน “เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์” นักร้องกระดูกเหล็กซึ่งใครที่โตมากับอาร์เอส จะต้องรู้สึกปลื้มปริ่มไปกับเรา ที่ได้รับเกียรติจากเค้าคนนี้มาเป็นแขกรับเชิญสัมภาษณ์บทความพิเศษ กับมุมมองแนวคิดการทำงานด้วยความรักและหัวใจของ เจมส์ เรืองศักดิ์ จนทำให้เป็นศิลปินในดวงใจของใครหลาย ๆ คน พร้อมทั้งยังถ่ายทอดเรื่องราวสุดประทับใจเหมือนกับพาเราย้อนไปยังวันวานที่คิดถึงกันอีกครั้ง
เส้นทางการมาเป็นนักร้องชื่อดังของพี่เจมส์ เรืองศักดิ์
เจมส์ เรืองศักดิ์ กล่าวว่า “ผมเริ่มจากการที่เป็นเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่ชอบร้องเพลงเล่นดนตรี ในปี พ.ศ.2536 มีโอกาสได้ประกวดในรายการทีวีทางช่อง 5 ได้โชว์ความสามารถเล็กๆ น้อย ๆ ในการร้องเพลง ซึ่งผมก็ไม่ได้ที่ 1 นะครับ ได้แค่ที่ 3 แต่ทาง RS เห็นก็ติดต่อมาบอกแค่ให้มาเทสต์เอ็มวี แต่พอมานั่งคุยเค้าพูดที่บอกแบบนั้นเพราะกลัวเราตกใจ แล้วก็ทาบทามให้เทสต์เสียงซึ่งจริงๆ ในวันนั้นก็มีทางค่ายเพลงอื่นๆ ติดต่อมาเหมือนกัน แต่ผมเลือกที่จะมาและจบที่ RS อาจจะเป็นเพราะว่าภาพของ RS ชัดเรื่องศิลปินวัยรุ่นครับ เราเลยรู้สึกว่าถ้าเป็นวัยรุ่นจะต้องมาที่นี่ครับ”
เล่าบรรยากาศการพบปะแฟนเพลงในยุคก่อน ที่ศิลปินสมัยนี้อาจไม่ได้สัมผัส
“ในยุคก่อน คำว่าศิลปินหรือนักร้องคือเป็นของคนทั้งประเทศ เป็นความสุขของคนไทย แต่ในปัจจุบันโลกเราเปลี่ยนเกิดเซ็กเมนต์ที่ย่อยขึ้น เลยทำให้ศิลปินเป็นความสุขของคนเฉพาะกลุ่ม ศิลปินในยุคก่อนคือออกอัลบั้มมาก็จะเป็นที่สนใจของคนทั่วไป เพราะคนที่อยากจะฟังศิลปินก็ต้องรอดู ไม่มีไอจี เฟซบุ๊ก ให้อัพทุกวัน หรืออัพรายนาที แต่ต้องรอดูทีวี รอฟังวิทยุว่าเค้าจะมาเมื่อไหร่ ต้องรออ่านนิตยสารกว่าจะได้อ่านก็ราย 15 วัน รายเดือน ซึ่งสิ่งเหล่านั้นมันสร้างความผูกพัน แล้วกว่าจะได้เจอตัวก็ยากมาก
ในยุคที่ผมออกอัลบั้มจะเดินห้างไม่ได้ ไม่ใช่เพราะว่าเราถือตัวนะครับแต่มันจะสร้างความลำบากให้กับห้าง เกิดการโกลาหล ทำให้ห้างเค้าขายของไม่ได้ เราเลยตัดปัญหาไม่เดิน ก็ยิ่งทำให้เจอตัวยากและมีการรอคอย ผมว่านี่แหละคือสาเหตุของความรักความผูกพัน และการสื่อสารกันผ่านทางจดหมายเท่านั้น ซึ่งก็เกิดความรักเพราะต้องรอคอยศิลปินตอบจดหมาย ได้เขียนลงไปในกระดาษใส่ซองติดแสตมป์ส่งหาเค้า ส่งกลับมาเปิดแกะอ่าน ซึ่งศิลปินปัจจุบันไม่ได้พบอะไรแบบนี้แล้ว ทุกอย่างง่าย เร็ว และก็ผ่านไปเร็วเหมือนกัน เพราะสิ่งที่ยากก็จะตราตรึงใจ ลึกซึ้ง และอยู่คงทนครับ” เจมส์ เรืองศักดิ์ กล่าว
เทคนิคการดูแลรักษากลุ่มฐานแฟนคลับที่รัก “เจมส์-เรืองศักดิ์”
“ผมว่าส่วนหนึ่งมาจากความที่เค้ารักเรามากอยู่แล้ว ส่วนที่สองคือเราต้องพร้อมเสมอตอนช่วงที่เรามีแฟนคลับมากๆ เราไม่มีข้ออ้างว่าวันนี้ขอชีวิตเป็นส่วนตัว เราคิดในใจเสมอว่าเราเลือกแล้วที่จะเป็นคนที่ให้ความสุขกับผู้คน เพราะฉะนั้นบางคนที่เราได้ยิ้มให้เค้าเพียงแค่ครั้งเดียวเค้ามีความสุขไปตลอดชีวิตเลยนะครับ เชื่อมั้ยว่า 20 กว่าปีมานี่ เจอบางคนมาทักบอก ‘พี่..หนูเคยเจอพี่ครั้งเดียวนะ แล้วพี่หันมายิ้มให้หนูๆ จำจนถึงทุกวันนี้เลย’ หรือบางคำพูดที่เราพูดกับเค้าๆ มีความสุขไปตลอดทั้งวัน หรือบางทีอาจเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนเป็นกำลังใจของคนบางคนได้ เพราะฉะนั้นเทคนิคของผมง่ายๆ เลยครับ ‘ผมพร้อมเสมอสำหรับทุกคน ต้องคิดเสมอว่าเค้าอาจจะเจอเราแค่ครั้งเดียว’ บางครั้งมันอาจจะทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่าย หรือทำซ้ำซากจำเจ เดี๋ยวถ่ายรูปอีกละ แต่ความจริงคือเราอาจทำซ้ำ แต่สำหรับแฟนคลับอาจเป็นแค่ครั้งเดียวในชีวิตครับ”
ฝากข้อคิด แรงบันดาลใจถึงคนที่มีความฝันอยากเป็นนักร้อง นักแสดงที่ประสบความสำเร็จแบบพี่เจมส์
“ผมว่าอันดับแรกเลย เราต้องรักก่อน เมื่อเรารักแล้วเราจะอยากพัฒนาตัวเองให้ดี ถ้าเรามาเพราะอยากรวยเอาตรงนี้นำ ซึ่งเราทำได้ทุกอย่างแหละเพื่อความอยากได้เงินอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น มันเป็นเรื่องที่ต้องมีอยู่แล้วแต่ได้แล้วก็ไป แต่ถ้าเมื่อไหร่เรารักมันเราจะฝึกฝนตัวเอง เราจะฝึกร้องเพลง การแสดงออกบนเวที เราจะมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับแฟน ๆ และเราจะมีวินัยในการดูแลตัวเอง ไม่ไปยุ่งข้องเกี่ยวกับยาเสพติด ถ้าเรารักนะเราจะไม่ทำของพวกนี้ ไม่ทำตัวเหลวแหลก เพราะถ้าเราทำแบบนั้นคือเราไม่รักแล้ว เราแค่มาผิวเผินแล้วก็ไป ฉะนั้นผมฝากถึงน้อง ๆ รุ่นใหม่ กระแสโลกเปลี่ยนไปก็จริง ทุกอย่างเร็ว ฉาบฉวย อย่าคิดว่ามาแล้วรีบโกยรีบไป รักมันให้จริง แล้ววงการหรือการทำงานในวงการจะให้อะไรมากกว่าเงินเยอะจนคุณนึกไม่ถึงเลยครับ” เจมส์ เรืองศักดิ์ กล่าว