..แม้ในเรื่องราวเลวร้ายใดๆ ที่เกิดขึ้น หากแต่เราสามารถเปิดมุมมองที่มักจะมีสิ่งดีๆ แทรกอยู่ในนั้นเสมอ..”
ในชีวิตนี้แม้จะมีเรื่องราวเลวร้ายใดๆ เกิดขึ้น หากแต่เราสามารถเปิดมุมมองอีกแง่หนึ่ง ก็มักจะมีสิ่งดีๆ แทรกอยู่ในนั้นเสมอ อย่างเหตุการณ์ที่มนุษยชาติต้องพบเจอกับมหันตภัยจากโรคร้ายไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรง และลุกลามไปทั่วโลก จนหลายประเทศต้องออกประกาศปิดเมืองจนถึงขั้นปิดประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยที่นับวันจะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากมายน่าใจหาย จนภาครัฐต้องออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เพื่อควบคุมการแพร่กระจาย เนื่องจากมีประชาชนจากหลายสาขาอาชีพ หลากสถานที่ ที่ตรวจพบว่ามีเชื้อดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านั้น ซุปตาร์เดินดินศิลปิน 1,000 ล้านวิว “เบิ้ล ปทุมราช อาร์สยาม” เจ้าของซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุด “หน้าโหดโหมดคิตตี้” ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เจอภาวะวิกฤตในการเป็นผู้สุ่มเสี่ยง หลังจากไปเยี่ยมชมการชกมวยในวันและสถานที่เดียวกันกับดารา-พิธีกรชื่อดังได้รับเชื้อจนเป็นข่าวใหญ่เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ร้อนไปถึงชาวโซเชียลที่ออกมาดราม่าหาว่า “เบิ้ล ปทุมราช” ไม่ยอมกักตัว ซึ่งแม้ว่า “เบิ้ล” จะเคลียร์ตัวเองด้วยการไปตรวจหาเชื้อ พร้อมโชว์ผลที่เป็นลบแล้ว หากแต่กระแสสังคมเชิงดราม่าในช่วงเวลาที่รอผลตรวจ ก็สร้างบทเรียนให้นักร้องลูกทุ่งชื่อดังคนนี้มากมาย
“พอดีผมมีภารกิจที่จะต้องไปทำกิจกรรมเตะฟุตบอลการกุศลกับน้องๆ เพื่อสมทบทุนสร้างสนามดีๆ ให้ทุกคนได้มีโอกาสได้ฝึกซ้อม เล่นกีฬา มีร่างกายแข็งแรง เป็นงานที่พูดคุยกันไว้นานแล้วครับ ไม่คิดว่าผมจะกลายเป็นบุคคลที่สุ่มเสี่ยง ทำให้น้องๆ ถูกจับตามองไปด้วย และหลังจากนั้น ผมก็รีบกลับมาตรวจที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ และกักตัวเองรอฟังผล และยกเลิกงานทุกอย่าง แต่ก็ยังมีคนกลัวอยู่ดี ซึ่งผมก็ต้องขอโทษทุกๆ คนด้วยนะครับ ที่ทำให้เป็นกังวล”
เบิ้ล ปทุมราช อาร์สยาม และปทุมราชแบนด์
“ระหว่างที่รอผลตรวจ ก็มีข่าวลือออกมาว่าผมติดเชื้อแล้วโน่นนี่นั่น มีคอมเม้นท์ แรงๆ ต่อว่าให้เสียหายต่างๆ นานา นับเป็นช่วงภาวะวิกฤตในชีวิตเลยก็ว่าได้ ซึ่งผมก็พยายามอธิบายนะครับ ว่ายังรอผลตรวจอยู่ ทุกวันก็คอยสังเกตตัวเองตลอดเวลาทั้งวัดไข้ความดันอะไรก็ปกติทุกอย่าง ยังไม่มีอาการบ่งชี้ว่าจะป่วย ทั้งบอกตัวเอง ให้กำลังใจตัวเอง เพราะที่ผ่านมาเราก็มีเจตนาดี เคยทำดีเพื่อบ้านเกิด เพื่อจังหวัดมาหลายโครงการก็ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี”
“พอผลตรวจออกมาว่าไม่พบเชื้อ ผมก็โพสต์ใบผลตรวจ ชี้แจงลงเฟสบุ๊คของผมให้ทุกคนสบายใจ ว่าเราร่างกายแข็งแรง ไม่พบเชื้อ พร้อมขอบพระคุณทุกๆ กำลังใจที่เป็นห่วงผมเสมอมา ไม่โกรธไม่ว่าใครที่ปล่อยข่าวเราไม่ดี และก็ขอโทษทุกๆ คนที่ทำให้ระแวงหลังมีรูปไม่ได้กักตัวเอง 1 วัน เพราะไปเตะฟุตบอลกับน้องๆ แต่ต่อให้ผลออกมาไม่พบเชื้อแล้ว ผมก็ยังจะเก็บตัวรักษาสุขภาพต่อไป และยกเลิกงานถึงเดือนเมษายน รวมทั้งยกเลิกงานบุญทอดผ้าป่าบ้านเกิด ที่วางแผนไว้ในวันที่ 16-17 เมษายน ที่ วัดผาสุการาม อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ ส่วนแฟนคลับที่โอนเงินทำบุญมาแล้ว ผมก็จะเอาไปถวายแล้วแจ้งให้ทราบอีกทีครับ”
“ซึ่งตอนผลตรวจออกมาว่าไม่พบเชื้อแม่ร้องไห้เลย ดีใจที่ลูกปลอดภัย ไม่ติดเชื้อโรคร้ายๆ อย่างที่หลายคนกลัวกัน ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ผมก็ได้บทเรียนสำคัญเหมือนกันนะครับ ทำให้รู้ว่าชีวิตเราไม่ได้เป็นของเราคนเดียว แต่เราเป็นคนสำคัญของครอบครัว ของพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่อีกหลายๆ คนที่คอยเป็นห่วงเรา รวมถึงแฟนคลับแฟนเพลงที่ส่งกำลังใจให้เราตลอด ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง และทำให้รู้ถึงจิตใจใครบางคนว่าในวันที่เราพลาด ใครบ้างที่คอยเป็นห่วง และใครบ้างที่ซ้ำเติม”
“สำหรับภาวะวิกฤตโควิด-19 ทำให้ผมได้บทเรียนได้แนวคิดในการสู้ชีวิตครับ คือ ไม่มีใครรู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เราควรต้องมีแผนสองรองรับไว้เสมอ อย่างเรื่องโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ก็ไม่มีใครคิดว่ามันจะกระทบกับระบบเศรษฐกิจเป็นวงกว้างขนาดนี้ ผู้คนตกงาน ห้างร้านต้องปิด แม้จะเป็นระยะสั้นๆ เพื่อควบคุมการแพร่กระจาย แต่ก็สร้างความเสียหายให้กับหลายๆ ธุรกิจเลย
ส่วนศิลปิน นักร้องอย่างพวกเราไม่ต้องพูดถึง งานโชว์คอนเสิร์ตโดนยกเลิกอยู่แล้ว งานภาพยนตร์ที่กำลังจ่อคิวจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ก็ต้องเลื่อนออกไป เราควรเตรียมการทั้งเรื่องเงินสำรอง หรืออาชีพเสริมไว้ อย่างผมโชคดี ที่มีงานหลายๆ ส่วนสนับสนุนกัน และโชคดีที่ความฝันของผมตั้งแต่เด็ก คือผมจะมีอยู่ 2 อย่าง คือสิ่งที่ต้องทำ กับสิ่งที่อยากทำ สิ่งที่ต้องทำคือทำงานปลดหนี้ให้พ่อแม่
ส่วนสิ่งที่อยากทำคืออยากเป็นนักร้อง แล้วทั้ง 2 สิ่ง มันไปด้วยกันได้พอดี แต่นั่นเพราะผมได้คิดวางแผน และฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กๆ เลยอยากจะแชร์แนวคิดให้ทุกๆ คนว่า ถึงเราจะเกิดมาจน แต่เราก็สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ แม้ในสถานการณ์อย่างนี้ ถ้าเรามองหามุมดีๆ มันก็มีช่องทางทำมาหากินได้อยู่ ทั้งเรื่องธุรกิจออนไลน์ หรือโลกโซเชียลที่เอื้อให้ทุกอย่างง่ายขึ้นครับ”
“ส่วนสถานการณ์แบบนี้ จะว่ามีผลกับเพลงใหม่ หน้าโหดโหมดคิตตี้ เพิ่งจะปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ทางแชนแนลของผมเอง คือยูทูป เบิ้ล ปทุมราช Official มั้ยนั้น ปรากฏว่าผลตอบรับก็ดีพอสมควรติดอันดับ 4 ในมาแรง และถึงวันนี้ยอดวิวก็ทะลุ 4 ล้านแล้ว ถือว่าเรื่อยๆ ครับ สถานการณ์โรคร้ายเราก็ต้องระมัดระวังดูแลรักษาตัวรักษากายให้ดีกันไป ส่วนความสุขทางใจด้านเสียงเพลง และดนตรี เราก็ยังคงหาฟังกันได้ ยังไงก็ขอบคุณที่รักกัน สนับสนุนกันมาตลอด ขอบคุณแฟนคลับ เบิ้ล ปทุมราช ทุกคนครับ”
“แต่พอต้องหยุดงาน ไม่ได้ออกงานคอนเสิร์ต ไม่ได้ไปโปรโมทหนัง แล้วทางรัฐบาลก็ขอความร่วมมือให้ทุกคนอยู่แต่ในบ้าน ไม่ออกไปที่ชุมชนสุ่มเสี่ยงจะติดเชื้อ ผมก็เลยถือโอกาสกลับมากักตัวอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่ ในหมู่บ้านโคกพระ อ.ปทุมราชวงศา อยู่บ้านเราไม่อดตายแน่นอนครับ
ถ้าเรารู้จักหา รู้จักเก็บออม บางอย่างก็ไม่ต้องซื้อหา ปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ เลี้ยงวัวไว้ขาย หรือหิวๆ ก็ลงบ่อหาปลา ดึกๆ ลงนาก็ได้กบเขียดมาหมกมาแกงอ่อมกิน ซึ่งผมก็ใช้วิชาที่เคยเรียนรู้มาตั้งแต่เด็กๆ และเป็นชีวิตเรียบง่ายที่ผมตั้งใจไว้อยู่แล้ว ต่อให้ไม่มีสถานการณ์โรคระบาด แต่ถ้าว่างๆ ผมก็อยากกลับมาใช้ชีวิต อยู่ที่บ้านเกิดบ้าง มาหาอยู่หากินแบบที่เราเป็น ผมว่ามีความสุขที่สุดแล้วครับ”
“ส่วนเรื่องหัวใจกับน้องแครี่ ที่อยู่ประเทศสวิตเวอร์แลนด์ ก็ยังติดต่อพูดคุยกันเหมือนเดิมครับ สมัยนี้ไม่ยาก เทคโนโลยีสามารถทำให้เรายังได้เห็นหน้ากัน สื่อสารกันได้บ่อยๆ ถึงตัวจะอยู่กันคนละซีกโลกก็ไม่ทำให้รู้สึกว่าห่างไกล จริงๆ ใจผมก็อยากจะเดินทางไปหาเหมือนกันนะครับ แต่ช่วงนี้ก็ต้องอดใจไว้ก่อน
สถานการณ์ทางประเทศเค้าก็ค่อนข้างสาหัสกว่าบ้านเราเยอะ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นหมื่นราย ก็เป็นห่วงน้องเค้านะครับ ส่งกำลังใจ ส่งความห่วงใยให้อยู่ตลอด ขอให้อยู่รอดปลอดภัย รวมถึงแฟนเพลงทั้งที่อยู่ในประเทศ และทั่วโลกด้วยครับ ขอให้เราผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ นี้ไปด้วยกัน สู้ๆ กันทุกคนครับ”